พ่อเลี้ยงเดี่ยวอุ้มลูก 3 ขวบ ตะลอนส่งอาหารวันละ 10 ชม. ไม่ทำก็ไม่มีกิน


ชีวิตพ่อเลี้ยงเดี่ยว มือข้างหนึ่งถืออาหาร อีกมืออุ้มลูกเอาไว้ เป็นภาพที่พบเจอไม่ยากสำหรับยุคสมัยนี้ ที่ต่างต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ คนในภาพคือคุณพ่อชาวมณฑลเจ้อเจียง เขาทำอาชีพพนักงานส่งอาหาร ชื่อ หลีปังหย่ง อายุ 39 ปี แม้ฝนจะตก แดดจะออกก็ไม่หยุดพัก ทำงานอย่างขยันขันแข็ง จนกลายเป็นภาพที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุด

สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า หลายคนมักมีภาพในหัวว่า แม่คือคนที่คอยดูแลเอาใจใส่ลูกมากที่สุด แต่ในทางกลับกัน สำหรับครอบครัวนี้ คุณพ่อหลีต้องทำงานและดูแลลูกไปด้วย เนื่องจากภรรยาได้หนีจากไป ทำให้คุณพ่อหลี พ่อเลี้ยงเดี่ยวต้องพาลูกวัย 3 ขวบไปทำงานส่งอาหารด้วย

คุณพ่อหลีเล่าว่า ตนเองเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก และไม่นานมือของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการทำงาน เขารู้จักกับภรรยาขณะที่ออกมาทำงานในเมือง ทั้งสองตัดสินใจที่จะสร้าครอบครัวด้วยกัน ไม่นานก็มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ในขณะที่พ่อหลีคิดว่า ชีวิตของพวกเขากำลังจะดีขึ้นอยู่นั้น

แต่จู่ ๆ ภรรยาของเธอก็หนีจากพวกเขาไป หลังจากคลอดลูกสาวได้ไม่นาน พ่อหลีพูดเสมอว่า “เข้าใจภรรยาที่ตัดสินใจเดินจากพวกเขาไป และไม่เคยออกตามหา เขาต้องดิ้นรนสู้ชีวิต ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารตลอดทั้งวันและคืน เพื่อจะมีเงินพอเลี้ยงปากท้องของเขาและลูกสาว”

ในตอนแรกเขามีความคิดที่จะส่งลูกสาวไปให้พ่อตาแม่ยายเลี้ยง เพื่อจะสามารถหาเงินได้มากกว่านี้ แต่ทว่าพ่อตาแม่ยายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ยอมรับเลี้ยงหลานสาวคนนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับพ่อหลีเสียจริงเชียว แต่นั่นก็ไมทำให้เขาท้อต่อชีวิต เขๅยังคงดิ้นรนทำงานต่อไป หลังจากที่เขาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็พาลูกสาวไปวิ่งส่งอาหารด้วยกัน

ไม่ว่าอากาศจะหนาวเพียงใด ฝนจะตก แดดจะแรงแค่ไหน เขาก็จะพาลูกสาวไปทำงานด้วย แม้ว่าพ่อหลีจะดูแลลูกสาวอย่างดี ให้ใส่ผ้ากันฝน ให้ความอบอุ่น แต่บางครั้งลูกสาวก็มักจะร้องไห้ เนื่องจากต้องอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์เป็นระยะเวลากว่า 10 ชั่วโมงตลอดทุกวัน ช่วงกลางวันถ้าง่วงก็จะร้องไห้จนหลับไป อาหารเที่ยงของพวกเขาคือ บ่าย 3 โมงถึงจะมีเวลานั่งกินข้าวด้วยกัน

เมื่อมีคนถามเขๅว่า “เหนื่อຍไหม? ครั้งไหนที่คุณคิดว่าเหนื่อຍที่สุดด” พ่อหลีก็ตอบว่า “ครั้งที่ต้องอุ้มลูกสาวขึ้นชั้น 17 เนื่องจากไม่สามารถเบียดเข้าไปในลิฟต์ได้ และกลัวจะส่งอาหารล่าช้า ทำให้ต้องเดินขึ้นบันได มืออีกข้างถืออาหาร ส่วนมืออีกข้างอุ้มลูกสาวไว้ เหนื่อຍมาก แต่ก็ต้องยอมทน”

“แม้จะลำบากมาก แต่ก็ไม่กล้าปริปากบ่น”

หลังจากที่เรื่องราวของพ่อหลีได้ถูกนำเสนอในโลกออนไลน์ ก็มีผู้คนจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า

“ชายคนนี้เคยมาส่งอาหารให้ผม ในตอนแรกก็รู้สึกโกรธมาก โมโหหิวที่เขามาส่งช้ากว่ากำหนด แต่พอเห็นเขาอุ้มลูกน้อยมาด้วยก็ถึงกับน้ำตาซึม ด่าไม่ลง”

“เด็กคนนี้ดูแล้วน่าสงสาร แต่ก็ดูเป็นเด็กที่มีความสุข เพราะมีคุณพ่อที่รับผิดชอบและรักเขามากมายขนาดนี้”

“ลูกคนนี้ของเขา เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะมีลูกสาวคนนี้ทำให้คุณพ่อคนนี้มีความหวังและมีแรงที่จะสู้ต่อไป”

“ฉันก็มีลูกสาวตัวขนาดนี้ รู้สึกเห็นใจมาก อยากจะบริจาคเสื้อผ้าให้ลูกสาวของเขาได้ใส่”

แม้ว่าลูกสาวของเขาจะอายุ 3 ขวบแล้ว แต่ก็พูดได้แค่ว่า “พ่ออุ้ม” 2 คำเท่านั้u หลายครั้งที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากมืออันอบอุ่นของผู้คนที่พบเห็นพวกเขา ทำให้เขารู้สึกดีใจและอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก

แต่ไม่ว่าจะลำบากอย่างไรก็ตาม ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป ตอนนี้เขามีงานส่งอาหารเป็นหลัก แต่ก็ขอทำงานเลี้ยลูกสาวให้เติบโตเป็นคนดีของสังคมให้ได้ “พ่อสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด นะลูก”

แหล่งที่มา: good543 / LIEKR

เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม

Leave a Reply

Your email address will not be published.