อดีตลูกสาวเศรษฐี ถูกพาไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังลูก ๆ รู้สึกกังวล ไม่ไว้ใจให้อยู่ลำพัง


เรื่องราวที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ วันนี้ เรียกได้เลยว่าเป็นเรื่องราวที่ตอนแรกนั้นคนอาจจะไท่เขาใจเขาก็เป็นได้แต่พอเวลาผ่านไปนั้นก็จะเขาใจหัวอกเขาทั้งที โดยเรื่องราวชีวิตของ โหวซือชวิน ที่ตอนนี้ไปโด่งดังที่ประเทศจีนแล้ว หลายคนบอกว่านอกจากเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตการแสดงแล้ว อีกหนึ่งความสำเร็จที่โดดเด่นไม่แพ้ตัวเขาก็คือ แม่ของเขานั้นเอง

สื่อต่างประเทศเปิดเผย คุณแม่ของดาราอาวุโส โหวซือชวิน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูก 4 คนเติบโตด้วยตนเอง แถมเธอยังมีทัศนคติที่ว่า จะไม่เลี้ยงลูกเพื่อให้ลูกมาเลี้ยงดูตนเองตนแก่เฒ่า นี่เป็นความคิดที่เธอคิดไว้ในอนาคต เธอบอกว่าจะเก็บเงินและจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักคนชราเมื่ออายุมากแล้ว จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต ณ ที่นั่น

ชีเจียจวิน คุณแม่ของดาราอาวุโส เกิดในบ้านที่มีฐานะร่ำรวยของปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งแต่เล็กจนโตในบ้านก็จะมีคนรับใช้ ภายในบ้านยังมีห้องนอนอีก 20 ห้อง บ้านกว้างใหญ่มีสวนทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ส่วนเธอก็เป็นคุณหนูเลยก็ว่าได้ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลใจ

แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับนายทหาร ก็ต้องมีภาระรับผิดชอบมากมาย ต้องกลายเป็นหญิงแกร่ง และต้องย้ายถิ่นฐานมายังไต้หวัน ตอนนั้นพวกเขาลำบากมาก ต้องอาศัยในห้องเช่าแคบ ๆ ที่มีเพียงห้องน้ำและห้องนอนเท่านั้u ครอบครัว 6 คนต้องนอนแออัดกันในห้องเดียว จากที่เป็นคุณหนูไม่เคยทำอะไรก็ต้องลำบากทำเองทั้งหมด

แต่ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตก็คือ สามีของเธอป่วຍด้วยโรคตับอักเสบ นอนติดเตียงที่โรงพยาบาล เธอต้องวิ่งไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลเพื่อส่งน้ำส่งข้าวให้สามี แล้วค่อยส่งปิ่นโตไปให้ลูก ๆ แต่ละวันเธอได้นอนเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้u

พอเมื่อสามีกลับบ้านเธอก็ต้องตื่นมากลางดึกเพื่อพลิกตัวให้สามีเสมอ ในระยะเวลาสั้น ๆ น้ำหนักเธอลดไป 13 กิโลกรัม เธอยิ้มทั้งน้ำตาว่า “เพื่อดูแลเขา ฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดูสินี่มันใช่มือของลูกเศรษฐีหรือเนี่ย? มันเหมือนมือของยายแก่มากกว่า เหี่ยวย่นมาก”

ไม่นานสามีก็จากโลกนี้ไป เธอต้องขๅยของมีค่าทั้งหมดเพื่อแลกเป็นเงิน ฝากไว้ในธนาคาร อาศัยดอกเบี้ยที่ธนาคารให้ และบวกกับเงินเดือนเพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 4 คน หลังจากนั้นลูกชายทั้ง 3 คนก็สมัครเป็นทหาร ส่วนลูกชายคนที่สองนั้นก็ไปเป็นดารา นั้นก็คือ โหวซือชวิน

เธอมีการวางแผนและเก็บเงินสำหรับเกษียณตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว เธอบอกไม่เคยคิดที่จะพึ่งเงินของลูก ๆ เลย เธอบอกว่าลูก ๆ อยากจะซื้อบ้าน เธอยังต้องเอาเงินออกมาช่วยเหลือ เธอหัวเราะแล้วพูดว่า “ในตอนนั้นที่ โหวซือชวิน จะซื้อบ้านและทำหนัง เธอยังต้องขๅยกำไลหยกที่มีค่าไปด้วย”

ชีเจียจวิน ตอนนี้อาศัยอยู่เพียงลำพัง หากเหนื่อຍล้าก็นอนพักที่โซฟา อยากใส่ อยากกินอะไรก็ทำตามใจ มีอยู่วันหนึ่ง เธอหกล้มสะโพกได้รับบาดเจ็บ ลูก ๆ ของเธอก็เลยไม่ไว้ใจให้เธอยู่ลำพังคนเดียวในบ้าน จึงส่งเธอไปอยู่บ้านพักคนชรา

เพราะที่นั้นยังมีเพื่อนในวัยเดียวกันได้พูดคุย ไม่เบื่ວ เธอบอกว่าค่าใช้จ่ายของบ้านพักคนชรา เธอเป็นคนออกเองทั้งหมด ที่นั่นเธอได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มากมาย ลูกชายทั้งหลายก็แวะมาเยี่ยมเยียนเสมอ บ้านพักคนชราเปรียบเสมือนบ้านหลังสุดท้ายของเธอก็ว่าได้ ซึ่งเป็นบ้านที่ทำให้เธออิ่มเอมและมีความสุขมาก

ที่นั่นอากาศดี สดชื่น ภายในห้องมีปุ่มกดฉุกเฉิน 4 แห่ง หากรู้สึกไม่สบายก็สามารถกดเรียกได้เสมอ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาดูแล กลางคืนก็มีเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนมาเข้าเวรเฝ้าเสมอ อาหาร 3 มื้อไม่เคยขาด

ชีเจียจวิน บอกว่า เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า บ้านพักคนชรานั้นสภาพแย่ แต่เธอคิดว่าตอนยังเป็นวัยรุ่นก็ควรที่จะรีบเก็บเงินสำหรับตอนเกษียณได้แล้ว พอตอนแก่เฒ่าจะได้มีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี มีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายของตนเอง เธอแนะนำให้ทุกคนควรมีการวางแผนตั้งแต่เนิ่น ๆ พอแก่เฒ่ามาจะได้มีสิทธิเลือกว่าอยากจะอยู่ที่ไหนด้วยกำลังของตนเอง

หลายคนมักคิดว่าการต้องไปอยู่บ้านพักคนชรานั้นหมายความว่าไม่มีลูกหรือญาติพี่น้องเลี้ยงดู แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีคนชราจำนวนมากที่สมัครใจที่จะไปอยู่บ้านพักคนชราเอง

เพราะที่นั่นพวกเขาจะไม่โดดเดี่ยว แถมยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกมากมาย มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน นี่เป็นทัศนคติที่เธออยากให้คนชราในยุคนี้และในอนาคตเปลี่ยนมุมมองสำหรับ บ้านพักคนชราเสียใหม่

แหล่งที่มา: lookforward

เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม

Leave a Reply

Your email address will not be published.