พาชม “ถ้ำวังนาคาธิบดี” แหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา สวยงาม โดดเด่น


ในโลกออนไลน์ได้มีเฟซบุ๊ก วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม ได้โพสต์ภาพความสวยงามของ ถ้ำวังนาคาธิบดี ศรีมงคลรัตนารม ที่ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ตําบลโคกจาน อําเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมใจของคนในชุมชน และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

“จังหวัดศรีสะเกษ” เป็นจังหวัดเล็ก ๆ หนึ่งในอีสานใต้ที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทหิน แต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งน้ำตก ล่องเเพและหาดทราย

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปชมความงามของถ้ำวังนาคาธิบดี 1 ใน ภพชาติของพระพุทธเจ้า ณ วัดทุ่งสิม ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่ 10 ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา แห่งเดียวในอีสานใต้ ถ้าพร้อมแล้วไปชมความงามธรรมชาติ กันเลย

บรรยากาศที่วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม หรือ วัดทุ่งสิม ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีนักท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา พี่น้องประชาชน ญาติโยม ที่ทราบข่าวในการเริ่มเปิดให้เข้าชมถ้ำวังบาดาลให้ประชาชนได้เข้าไปชม ไปไหว้พระพุทธรูปหยกขาว ไปชมรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตน ภายในถ้ำ ที่สวยงาม

ด้านข้างพระพุทธรูปขาวที่งดงาม น่าเกรงคาม พร้อมกับเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สรงน้ำพระพุทธรูปโบราณ ด้วยความโดดเด่น และความน่าสนใจของวัด เป็นแหล่งฝึกอบรมปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน สถาปัตยกรรมของวัดที่มีความสวยงาม และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ร่มรื่น

ล้อมรอบไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่นานาชนิด และสัตว์ต่าง ๆ ได้เข้ามาอาศัยยังเขตอภัยทาน เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ ทำบุญ พักผ่อนหย่อนใจ ให้อาหารปลา และวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม

และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ร่มรื่น ล้อมรอบไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่นานาชนิด และสัตว์ต่าง ๆ ได้เข้ามาอาศัยยังเขตอภัยทาน เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ ทำบุญ พักผ่อนหย่อนใจ ให้อาหารปลา

และวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาและทางธรรมชาติ ที่สำคัญของเทศบาลตำบลโคกจาน โดยมี พระครูวิจิตรวินัยคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม พร้อมด้วยคณะกรรมการวัด ประชาชน ญาติโยม ร่วมจิตศรัทธาในการก่อสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ถ้าหน้าท้องใหญ่เหมือนคนท้องลองนี้ ลด 35 กก.ใน 10 วัน ก่อนนอนให้ พระครูวิจิตรวินัยคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม เล่าให้รับฟังว่า สถานที่นี่คือวัดทุ่งสิมเดิม ขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงพระพุทธศาสนา สร้างเป็นพระมหาเจดีย์ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล ในรัชกาลที่ 10

โดยที่ผ่านมาได้รับพระเมตตาจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จมาวางศิลาฤกษ์ในการเริ่มก่อสร้าง พระมหาเจดีย์ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2556

โดยชั้นแรกจะก่อสร้างตบแต่งเป็นถ้ำ เป็นวังบาดาล ชั้นที่ 2 จะเป็นสวรรค์ต่อมนุษย์ เป็นการสร้างแสดงการทำคุณงามความดีของมนุษย์ จนได้มาเกิดเป็นเทวดาต่าง ๆ ชั้นที่ 3 เป็นการเล่าเรื่องพระมหากษัตริย์ ที่ทรงบำรุงพระพุทธศาสนาจากอดีต จนปัจจุบันที่มีคุณต่อประเทศไทย

ส่วนชั้นที่ 4 – 5 จะเป็นองค์มหาเจดีย์ เหมือนที่ตั้งอยู่บนเขาพระสุเมธ โดยการตบแต่งจะดำเนินงานไปเรื่อย ๆ ตามกำลังศรัทธา

ซึ่งในปี 16 มีนาคม พ.ศ.2559 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมเสาวีฯ ได้เสด็จมาเททองหล่อพระพุทธรูปปางปริณิพานไว้แล้ว และที่กำลังอยู่และเปิดให้ประชาชน ญาติโยมได้เข้ามกราบไหว้ขอพร เยี่ยมชมได้แล้วบางสวนตอนนี้ก็คือ ชั้นที่ 1 ในส่วนนี้ก็คือ เป็นการจำลองให้เป็นถ้ำ วังบาดาล และจะรวบรวมรูปหล่อนาคาธิบดี ขนาดใหญ่ ทั้ง 4 ตระกูล 9 นาคาธิบดี

และพญานาคราช ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เคยเสวยพระชาติ เป็นพญานาค พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทุกคนจะสามารรถเข้ามาศึกษา เรียนรู้ได้ โดยจะรวบรวมไว้ภายในถ้ำวังบาดาล ในชั้นที่ 1 แห่งนี้

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่มีการก่อสร้างจนแล้วเสร็จในช่วงแรก เชื่อว่าจะมีผู้คนที่ได้เดินทางมากราบไหว้ขอพรพระพุทธรูป มาเยี่ยมชมประวัติของพญานาคาธิบดี มาศึกษาเรื่องราวของชาติภูมิครั้งหนึ่งของพระพุทธเจ้า ที่เสวยชาติเป็นพญานาค

ซึ่งด้านเพดานยังได้ปั่นแต่งให้มีหินงอก หินหยอย ประดับตบแต่งอย่างสวยงาม กับความร่มรื่นของต้นไม้นานาชนิดภายในวัด ความเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งสมาธิ สวดมนต์ภายในถ้ำวังบาดาลแห่งนี้ ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบไหว้ เข้าชมได้แล้วในบางส่วนแล้ว

แหล่งที่มา: teeneethailand2

เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม

Leave a Reply

Your email address will not be published.