โรงเรียนวิชาวดี ที่พึ่งเด็กยากจน โรงเรียนเอกชนเเห่งเเรกให้เด็กเรียนฟรี-กินฟรี


เรื่องราวดี ๆ ที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ วันนี้ มาจากรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ครูบุปผาชาติ” ครูใหญ่โรงเรียนวิชาวดี โรงเรียนเอกชนเล็ก ๆ ที่แม้ยากจน แต่เป็นที่พึ่งของเด็กยากจน ได้เรียนฟรี-กินอยู่ฟรี โดยครูใหญ่ไม่เพียงสอนหนังสือและทักษะอาชีพให้เด็ก ๆ แต่ถึงขั้นทำ “ห่อหมก” ไปเร่ขๅย เพื่อให้เด็ก ๆ และโรงเรียนอยู่ได้

โรงเรียนวิชาวดี จ.นครสวรรค์ เป็นโรงเรียนเอกชนเล็ก ๆ ที่ก่อตั้งมา 73 ปีแล้ว เพื่อให้เด็กยากจนในชุมชนได้เข้าถึงการศึกษา ตามปณิธานของผู้ก่อตั้งโรงเรียนและเป็นครูใหญ่ในยุคเริ่มแรก คือ ครูเปรมวดี จำปาสุต

เมื่อครูเปรมวดีเสีย ครูสมาน สามี รับไม้เป็นครูใหญ่ต่อ แต่เมื่อสังขารร่วงโรย และเริ่มเป็นอุปสรรคต่อการดูแลโรงเรียน คุณตาสมานจึงขอให้ครูบุปผาชาติ หมุนสา ซึ่งเป็นครูสอนที่โรงเรียนแห่งนี้มานาน รับไม้เป็นครูใหญ่ต่อ เพราะได้รับความไว้วางใจมากสุด

“ครูมาเป็นครูอยู่ที่นี่ ตั้งแต่จบ ม.ศ.3 ใหม่ ๆ ตั้งแต่ปี 2511 คุณตาสมานและคุณยายเปรมวดี ได้รับไว้ ตอนนั้นเงินเดือนแค่ 150 บาท แต่ตอนนั้นข้าวสารก็ราคาเพียง 20 บาทเท่านั้u เราก็พออยู่ได้”

“พอทำงานนาน และเรียนต่อ จนจบปริญญาโท ก็สอนอยู่ที่นี่ตลอด จึงเป็นที่ไว้วางใจของคุณตาสมาน เพราะท่านเห็นว่าเป็นครูที่ตั้งใจสอน และอยู่นานกว่าเขา ก็ได้รับมอบหมายว่า บุปผาดูแลโรงเรียนให้คุณตานะ ก็ช่วยดูแลเพราะท่านแก่แล้ว เผอิญท่านมาลื่นล้ม และเสียไป ก็รับปากกับท่านว่า จะดูแลให้ดีที่สุดคุณตาไม่ต้องห่วง

ท่านอยากให้โรงเรียนนี้เป็นวิทยาทาน ทั้งคุณตาคุณยายท่านรักโรงเรียนนี้มาก โรงเรียนวิชาวดี วดีคือชื่อภรรยาท่าน ชื่อเปรมวดี เอาชื่อตรงนี้มาเป็นโรงเรียน” ครูบุปผาชาติ หมุนสา ครูใหญ่โรงเรียนวิชาวดี กับวัย 71 ในวันนี้ ย้อนที่มาของโรงเรียนและการได้เป็นครูใหญ่ของที่นี่

73 ปีแล้วที่โรงเรียนวิชาวดีให้การศึกษาและทักษะอาชีพแก่เด็ก ๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่า ปัจจุบันมีนักเรียนในความดูแล 65 คน ซึ่งมีทั้งเด็กไทยและต่างด้าว เปิดสอนตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6

“มีผู้ปกครองบอก ครูเปิดถึง ม.3 หน่อยได้ไหม เราไม่มีกำลัง เงินมันน้อย เมื่อก่อนสมัยก่อน ที่โรงเรียนอยู่ได้ เพราะรัฐอุดหนุนเงินเดือนครู แต่หลังจากนั้น รัฐเปลี่ยนเป็นการอุดหนุนรายหัวนักเรียน

เพราะฉะนั้นโรงเรียนเรา เด็กต่ำกว่าเกณฑ์ก็มี แต่เราไม่มีเปิดอนุบาล 2.เด็กนานาชาติที่มาอยู่กับเรา (ต่างด้าว) (สองประเภทนี้ไม่ได้อยู่ในระบบที่จะเบิกค่าใช้จ่าย เงินอุดหนุนจากรัฐบาล) ตอนนี้มีเด็กทั้งหมด 65 คน อยู่ในระบบแค่ 44 คน นอกนั้นไม่ใช่ 20 กว่าคนเป็นภาระที่โรงเรียนต้องให้อยู่ให้กิน ดูแลเขาไป”

“โรงเรียนวิชาวดี” ที่พึ่งเด็กยากจน โรงเรียนเอกชนเเห่งเเรกให้เด็กเรียนฟรี-กินฟรี!!

“โรงเรียนนี้เด็กน่าสงสารมาก และเป็นโรงเรียนเอกชนเเห่งเเรกในประเทศไทยก็ว่าได้ ที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน ไม่เก็บค่าการศึกษา บำรุงอะไรไม่เก็บ มีแต่ทางโรงเรียนหาให้เด็ก โดยการนำของครูใหญ่ ซึ่งเป็นคนที่โอบอ้อมอารี รักเด็กมาก คือต้องการยกการศึกษาในระดับท้องถิ่น่ให้ดีขึ้น

เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ยากจน พ่อแม่ก็ไปรับจ้าง ส่วนใหญ่อยู่กับตา ยาย ป้า บางครั้งเด็กขาดความอบอุ่น ก็มาได้รับความอบอุ่นที่โรงเรียนจากครูบ้าง ครูใหญ่บ้าง เช้ามาโรงเรียน บางทีก็ไม่ได้ทานอาหารมา

แต่ทางโรงเรียนก็จัดให้ มีอาหารเช้า อาหารกลางวัน และมีนมให้ ซึ่งเด็กก็ ในย่านนี้ และมีเด็กที่อยู่ใกล้ ๆ ในเมืองก็มีบ้าง มีรถโรงเรียนรับส่ง ฟรีเหมือนกัน” ครูสำรอง ขำอ้วม ครูโรงเรียนวิชาวดี สะท้อนภาพความยากจนของเด็กที่นี่

ครูใหญ่ “บุปผาชาติ” สงสารเด็ก พร้อมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เด็ก ๆ อดข้าว

“ฐานะทางครอบครัวเด็กไม่ค่อยมีเท่าไหร่ มีวันหนึ่งที่เรากำลังรับประทานอาหาร เด็กคนหนึ่งซ่อนข้าวไว้ ครูอีกคนหนึ่ง ท่านมาบอกว่า หนูอะ จัดอาหารไว้ให้เด็กพร้อม ทำไมข้าวไม่พอ ทราบว่า มีเด็กคนหนึ่งซึ่งปัญญาอ่อนนิด ๆ ไม่ปกติ เพื่อนบอก อยู่ในลิ้นชักกอล์ฟ ๆ ครูบอก ทำไมกอล์ฟเอาข้าวมาซ่อนไว้ตรงนี้

เขาก็ตอบมาว่า ครูครับ เมื่อคืนนี้แม่ผมไม่สบาย ตัวร้อน จะต้มข้าวให้แม่กินข้าวก็ไม่มี วันนี้หนูกินข้าวแล้ว แต่แม่ยังไม่ได้กิน หนูจะเอาข้าวจานนี้ไปให้แม่หนูกิน ตั้งแต่นั้นมา เรามันรู้สึกว่า แม้เราจะจน แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่จนกว่า”

เพื่อให้เด็ก ๆ และโรงเรียนอยู่ได้ ครูใหญ่บุปผาชาติ ถึงกับทำ “ห่อหมก” เพื่อไปเดินขๅยวันจันทร์-พุธ-ศุกร์

“รู้สึกสงสารแก เหนื่อຍยาก บางครั้งเงินไม่ค่อยมี ได้จากงบประมาณก็น้อย แกก็ต้องทำห่อหมกไปขๅย ขๅยจันทร์ พุธ ศุกร์ แต่ก็ไม่ได้ทำทุกอาทิตย์ เว้นบ้าง ท่านก็เหนื่อຍ ได้อาศัยเด็ก ถ้าโรงเรียนเปิด ก็ช่วงเย็น ช่วยทำ กวนห่อหมก

ส่วนใหญ่ไปขๅยตามตลาด แถวชุมชนตามนี้บ้าง บางทีมีคนในเมืองมาสั่งทำห่อหมก เป็นร้อยเหมือนกัน ก็มี” ครูสำรอง ขำอ้วม ครูโรงเรียนวิชาวดี

ครูใหญ่บุปผาชาติ ไม่ใช่แค่สอนหนังสือเด็ก และทำห่อหมกไปขๅย แต่ยังสอนวิชา “ชีวิต” เพื่อให้เด็กพึ่งตนเองได้ในภายภาคหน้า

“ครูคิดว่าเรามีอาชีพครู ทำยังไงให้เขามีความรู้เพื่อจะไปประกอบอาชีพได้ในภายภาคหน้า ให้เขาอ่านออกเขียนได้ ให้เขาทำมาหากินได้ ไม่เป็นปัญหาสังคม อยากให้เขาได้เรียนรู้ ให้ช่วยเหลือตัวเองได้

จึงใช้วิชาชีวิต ครูก็จะสอนทำน้ำยาล้างจาน เย็บปักถักร้อย ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ขๅยของเพื่อเป็นแบบอย่างว่า ครูเนี่ย ขนาดเป็นครูแล้ว และแก่แล้ว ก็อยากเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเห็นว่า ครูเขาก็เหนื่อຍนะ แต่ครูทำเพื่อพวกเรา เขาจะได้เลียนแบบได้”

ครูใหญ่บุปผาชาติ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนวิชาวดี กับวัย 71 ในวันนี้ ยอมรับด้วยว่า การที่โรงเรียนดูแลเด็ก ๆ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดใด ส่งผลให้ต้องพยายามพึ่งตนเอง และปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่โรงเรียนนี้อยู่ได้ เพราะมีผู้ใจบุญช่วยบริจาค

“เช้าตื่นมา ครูก็จะลงมาหุงข้าวหาข้าวให้เด็กก่อน ไม่ใช่ครูคนเดียว ทุกคนช่วยกัน คนไหนดูแลไก่ ก็ดูแลไก่ ดูแลปลา รดน้ำต้นไม้ เราจะแบ่งกัน ครูมีหน้าที่ทำอาหารเช้าให้กับเด็ก ๆ เรามีให้ 1 มื้อเช้า 2 กลางวัน เด็กไม่ต้องทานมา เรารู้ครอบครัวเขาเป็นอย่างนี้ เราก็ทำไว้ให้เขา

หลวงพ่อให้ข้าวสารมา เรามีแต่กับ เราก็อยู่ได้ ครูไม่เคยเก็บค่าอะไรสักสลึงเดียว เด็กอยู่ที่นี่ ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย ฟรีหมดทุกอย่าง แม้แต่จะกินจะนอน เสื้อผ้าก็มีผู้บริจาคให้ เมื่อผู้ใจบุญเข้ามา จะถามว่าครูอยากได้อะไร นักเรียนครูเข้าห้องน้ำยังไม่เป็นเลย

ครูก็บอก ก่อนอื่น ขอห้องน้ำก่อน มีห้องน้ำได้เข้า เขาเข้าไม่เป็นแรก ๆ จะลำบากมาก อาคารเรียนเมื่อก่อน ก็ไม่เป็นอย่างนี้นะ เปลี่ยนแปลงไปเพราะผู้ให้ทั้งนั้น” ครูใหญ่บุปผาชาติ เล่ากิจวัตรประจำวันและน้ำใจจากผู้ใจบุญที่มอบให้โรงเรียนวิชาวดี

เด็ก ๆ ที่จบจากโรงเรียนวิชาวดีไป บางคนเมื่อเติบโต เลือกที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ในฐานะครูเพื่อช่วยงานครูใหญ่บุปผาชาติและดูแลเด็ก ๆ

“มองว่าครูใหญ่เป็นคนรักเด็กอย่างนี้นะ ทุ่มเทเพื่อเด็ก เราเลยฝังใจว่า วันหนึ่งเราต้องเป็นอย่างนี้ให้ได้ เลยตัดสินใจเรียนสายครู จบครู และไปฝึกงาน ตอนฝึกงานยังไม่รู้ว่า โรงเรียนมีการเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน จนฝึกงานเสร็จ

เพื่อนส่งข่าวว่า ครูบุปผาชาติเป็นครูใหญ่แล้วนะ เลยกลับมาหาครูใหญ่ คืออยากสืบทอดปณิธานครูใหญ่ต่อไป อยากช่วยเหลือสังคมเหมือนที่ครูใหญ่ทำ แต่คงทำได้ไม่ดีเหมือนครูใหญ่ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้” แสงสุรีย์ ยืนวงษ์ ครูโรงเรียนวิชาวดี

“ครูใหญ่เป็นผู้หญิงที่เก่ง ทำงานตั้งแต่อายุ 19 จนถึงปัจจุบัน 71 ท่านก็ไม่ได้หยุด ภูมิใจครูใหญ่เป็นคนเก่ง เป็นคนดี ครูใหญ่ทุ่มเท และภูมิใจว่าครูใหญ่เป็นผู้เสียสละ ทำเพื่อเด็ก ๆ จริง ๆ” กนกทิพย์ ธนะหิรัญญา ครูโรงเรียนวิชาวดี

“ถ้าถามความประทับใจ แกก็เปรียบเสมือนญาติผมคนหนึ่ง ไม่ใช่พี่ก็เหมือนพี่ ไม่ใช่น้องก็เหมือนน้อง แกเป็นคนที่อุทิศตน เสียสละจริง ๆ ถ้าเป็นคนธรรมดานี่ อายุขนาดนี้ แกสมควรพักผ่อน ไม่น่ามาแบกภาระสังคมขนาดนี้ รู้สึกเห็นใจแก นอกจากแกช่วยโรงเรียนแล้ว ยังช่วยในชุมชนอีก ทำโครงการอะไรต่าง ๆ ให้ชุมชนก็มี

อยากจะบอกว่า ครูใหญ่เหนื่อຍยากและลำบาก ก็เพื่อเด็กในชุมชน ขอเป็นกำลังใจให้ครูใหญ่สู้ต่อไป และพวกผมก็จะอยู่เคียงข้าง จนกว่าจะหมดกำลัง” สำรอง ขำอ้วม ครูโรงเรียนวิชาวดี

“ครูจะพูดกับครูทุกท่านในโรงเรียนนี้เสมอว่า ที่ทำนี่เพื่อช่วยเหลือสังคม ครูทุกท่านเต็มใจ และให้ช่วยกันดูแล ทุก ๆ คนก็รู้ว่าเรามีความตั้งใจยังไง และทำตามครูได้ทุกคน ถ้าเราล้มไปเมื่อไหร่ แต่ครูตั้งใจว่าจะทำจนกว่าเราลุกไม่ขึ้น จะทำอะไรที่ช่วยสังคมให้ดีที่สุด จนกว่าเราจะหมดลมหายใจ เราไม่มีอะไรตอบแทนแผ่นดิน

นอกจากการช่วยเหลือแผ่นดินโดยการให้ความรู้ ให้ที่อยู่อาศัยแก่เด็ก ๆ และเป็นแบบอย่างให้เขาพอที่จะทำตามเราได้” บุปผาชาติ หมุนสา ครูใหญ่โรงเรียนวิชาวดี ผู้อุทิศตนและเสียสละเพื่อเด็ก ๆ อย่างแท้จริง

แหล่งที่มา: ฅนจริงใจไม่ท้อ/ เฟซบุ๊ก ฅนจริงใจไม่ท้อ

เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม

Leave a Reply

Your email address will not be published.